5 ข้อดีของการวิ่ง “ช้า”

5 ข้อดีของการวิ่ง “ช้า” วันนี้เราจะขอชวนชาว Garmin ไม่ว่าจะเป็นขาแรงหรือผู้เริ่มต้นให้หันมาวิ่งช้าๆ กัน ประมาณ 50-70% ของอัตราการเต้นหัวใจสูงสุด ด้วย 5 ข้อดีดังต่อไปนี้

💓กระตุ้นการทำงานของระบบหายใจ การเต้นของหัวใจและระบบไหลเวียนเลือด

ช่วยลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อที่เกิดจากการสะสมของเสียที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญพลังงาน หรือที่เรานิยมเรียกกันติดปากว่า ‘วิ่งคลายกรด’ และยังเหมาะกับคนทำงานที่ต้องนั่งอยู่กับที่ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดีพอ การวิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ จะช่วยปรับสมดุลให้กล้ามเนื้อได้ทำงานและมีสุขภาพที่ดี

กระตุ้นการเผาผลาญออกซิเจนให้มีประสิทธิภาพ

หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ ‘แอโรบิกโซน’ เป็นการกระตุ้น ‘ไมโตคอนเดรีย’ ในเซลล์ให้สร้างพลังงานและเพิ่มจำนวนมากขึ้น ช่วยให้ผู้ที่ฝึกวิ่งมีพื้นฐานความฟิตที่ดีขึ้น วิ่งได้อึดขึ้นพร้อมที่จะฝึกซ้อมในระดับที่เข้มข้นมากขึ้นได้

สร้างความเครียดและแรงกระแทกให้กับร่างกายในระดับต่ำ

เมื่อเทียบกับการวิ่งในความเข้มข้นสูงกว่า ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เอ็นและข้อต่อ มีความเหมาะสมในการจัดให้อยู่ในวันพักหรือสลับกับวิ่งหนักในตารางฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการวิ่ง

กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารความสุข 😁

สาร‘เอ็นดอร์ฟิน’ ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มและผ่อนคลาย ลดความเครียดของร่างกายและจิตใจได้ดี เหมาะจะใช้เป็นกิจกรรมฟื้นฟูสภาพร่างกายหลังแข่งขันหรือลดความเครียดหลังจากการทำงานตลอดวัน

เป็นการวิ่งในความเร็วที่ยังควบคุมร่างกายได้ง่าย

เหมาะแก่การโฟกัสการเคลื่อนไหวเพื่อฝึกพื้นฐานต่างๆ เพื่อช่วยพัฒนาประสิทธิภาพการวิ่ง เช่น ควบคุมจังหวะการหายใจ จังหวะการลงเท้า การจัดระเบียบร่างกายขณะวิ่ง เป็นต้น

หากใครยังไม่รู้จะเริ่มฝึกซ้อมให้ดีขึ้นได้อย่างไร ลองเริ่มจากออกไปวิ่งจ๊อกเบาๆ และสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกายดูนะครับ🏃🏃🏃

———-

หากสนใจนาฬิกา Garmin ไว้ใส่วิ่งช้าๆ ดูสุขภาพ >> https://www.alive.store/shop/p/search?keyword=running

———-

#GarminSport

#GarminThailand