Resistance Training

ช่วงปลายปีหลายๆคน Off-season กันแล้ว ช่วงนี้แหละเป็นช่วงเวลาเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อให้พร้อมสำหรับการฝึกซ้อมต่อไป วันนี้แอดเลยมาแนะนำการฝึกซ้อมที่เรียกว่า “Resistance Training”

Resistance Training หรือการฝึกกล้ามเนื้อด้วยแรงต้านหรือน้ำหนัก คือรูปแบบการออกกำลังกายที่นักวิ่งส่วนใหญ่มักละเลยแต่มีประโยชน์สุดๆ ในการพัฒนาประสิทธิภาพการวิ่ง เหตุหนึ่งก็เพราะคนส่วนใหญ่มักคิดใจว่าการฝึกรูปแบบนี้ทำให้ตัวใหญ่เทอะทะเป็นอุปสรรคต่อการวิ่ง วันนี้เราจะชวนมาทำความเข้าใจถึงประโยชน์ของการฝึกด้วยแรงต้านกันครับResistance Training มีหลากหลายรูปแบบ เช่น การฝึกด้วยน้ำหนักร่างกาย (body weight) การฝึกด้วยน้ำหนัก (free weight) การฝึกด้วยยางยืด (resistance band) การฝึกด้วยเครื่องยกน้ำหนัก (machine) เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างไรคอนเซ็ปต์ก็คือการออกแรงเคลื่อนไหวต้านกับแรงหรือน้ำหนักที่กระทำต่อร่างกายหรือกลุ่มกล้ามเนื้อที่ต้องการฝึกนั่นเองResistance Training มีประโยชน์ต่อการพัฒนาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยตรง และยังช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญของกล้ามเนื้อซึ่งส่งผลต่อการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย ซึ่งมีประโยชน์สำหรับอย่างมากสำหรับนักวิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ฝึกซ้อมด้วยการวิ่งเพียงอย่างเดียวมักจะประสบปัญหาเรื่องอาการบาดเจ็บซึ่งเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อกลุ่มเดิมซ้ำๆ มากเกินไป จึงควรมีการฝึกส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วยแรงต้านประกอบอยู่ในตารางการซ้อมเพื่อป้องกันปัญหานี้ด้วยResistance Training ท่าที่มีประโยชน์สำหรับนักวิ่ง ได้แก่ ท่าที่เสริมความแข็งแรงให้แกนกลางลำตัว สะโพก และขา ตัวอย่างเช่น plank ต่างๆ / single leg bridge / squat / deadlift / calf raise ฯลฯ ซึ่งจริงแล้วการจะฝึกให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดควรทำแบบ total body หรือบริหารให้ครบทุกส่วนของร่างกายเลยทีเดียว (ถ้านึกไม่ออกว่าเล่นท่าไหนดีลองเปิด Animated Workout บนนาฬิกา Garmin ดูได้)ยุคของการฝึกวิ่งแบบไม่ต้องพึ่งเวทได้จบลงแล้ว ถ้าใครอยากวิ่งให้ดีอย่างยั่งยืนไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บแทรกซ้อน Resistance Training คืออีกหนึ่งการฝึกที่จำเป็นมากๆครับ

#GarminThailand #GarminSport