Garmin Blue Run 2020 เริ่มแล้ววันนี้!!

Garmin Blue Run 2020 ผู้สมัครทุกท่านสามารถเริ่มกิจกรรมวิ่งและส่งผลได้ตั้งแต่วันที่ 1-30 กันยายน 2563

ทาง Garmin มีแจกรางวัลพิเศษ Garmin Fenix 6X Pro Solar ทั้งทาง Facebook และ Instagram ช่องทางละ 1 รางวัล จากการร่วมสนุกโพสต์รูปวิ่งที่ร่วมกิจกรรมพร้อม caption เท่ๆ ที่สำคัญห้ามลืมติด #GarminBlueRun2020  เราจะเลือกผู้ที่โพสต์ภาพและ caption โดนใจหลังจากกิจกรรมเสร็จสิ้น งานนี้ยิ่งโพสต์มากยิ่งมีโอกาสรับรางวัลมาก

และพิเศษยิ่งกว่า Garmin จะร่วมบริจาค 100 บาทให้กับ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ต่อทุก 1 ผู้สมัครแพ็คเกจ ‘SUB1’ และ ‘Bundle Pack’ ที่สามารถทำ SUB1-10K ได้ 

Garmin Fenix 6X Pro Solar
Garmin Fenix 6X Pro Solar
การส่งผลวิ่ง

ผู้สมัครส่งผลวิ่งได้ทาง https://www.runlah.com/user/registers   โดยมีขั้นตอนดังนี้

1. เข้าสู่ระบบด้วย login เดียวกับที่ใช้สมัคร

2. กดเลือกไอค่อน Runlah มุมขวาบน และเลือก “สถานะและประวัติการสมัคร”

3. กดเลือก “ส่งผล” เพื่อส่งผลของท่านเอง

4. หากส่งผลให้บุคคลที่ท่านสมัครให้ กรณีสมัครมากกว่า 1 คน ให้กดเลือก “ดูรายละเอียด” และเลือก “ส่งผล” ของแต่ละท่านตามรายชื่อ

5. ผู้สมัคร BUNDLE ให้เลือกส่งผล Challenge ที่ต้องการ (SUB1 / 100K)

6. กรอกผลการวิ่งให้ถูกต้อง และแนบไฟล์หลักฐาน เช่น ภาพแคปหน้าจอ, ภาพถ่ายหน้าปัดนาฬิกา หรือภาพถ่ายจอลู่วิ่ง ที่มีข้อมูลระยะทางและเวลาที่วิ่งอย่างชัดเจน

7. กดส่งข้อมูล และรอการตรวจสอบผลไม่เกิน 2 วันทำการ

หมายเหตุ  การส่งผล Sub1 ควรเลือกส่งผลเวลาที่ดีที่สุดที่ทำได้ กรณีวิ่งแล้วสถิติดีขึ้นให้เข้าส่งผลใหม่ได้ ระบบจะจัดเก็บผลล่าสุดที่ส่งมา

ให้เพื่อนสมัครกิจกรรมให้ แล้วส่งผลด้วยตัวเองได้ไหม?

ระบบที่ใช้ส่งผลจะยึดตามบัญชีที่ใช้ในการสมัคร การส่งผลต้องดำเนินการผ่านผู้ที่ login เข้าบัญชีนั้นได้เท่านั้น หากต้องการส่งผลด้วยตนเองให้ทำตามขั้นตอนดังนี้

  • นักวิ่งผู้ทำการสมัครให้เพื่อน เข้าระบบที่ https://www.runlah.com/user/registers
  • จากนั้น เลือก “ส่งผล” ที่รายการสมัครของเพื่อนคนนั้น จะปรากฎหน้า Dash Board ของนักวิ่งท่านนั้น
  • ให้ Copy URL เพื่อส่งให้กับผู้สมัครท่านดังกล่าว
  • ให้นักวิ่งเจ้าของเลข e-bib นั้นเข้าส่งผลที่ URL เดิมทุกครั้ง)

สำหรับขั้นตอนการส่งผล เป็นเช่นเดียวกับ ขั้นตอนตามข้อ 2 (ตามรูปด้านบน)

การรับ Badges ‘SUB1 10K’ และ ‘100K’ ใน Garmin Connect

1.ใช้นาฬิกา Garmin และ application Garmin Connect และตั้งค่าอยู่ในประเทศไทย ในการบันทึกผลการวิ่ง

2. บันทึกผลการวิ่งเพื่อร่วมรับ Badge “SUB1 10K” และ “100K” ได้ระหว่างวันที่ 1-30 กันยายน 2563 เท่านั้น

3. กิจกรรมที่สามารถร่วมรับ badges ได้ ได้แก่ Run (การวิ่ง), Treadmill (การวิ่งบนลู่วิ่ง), Trail Run (การวิ่งบนรอยเดิน), Indoor Running (การวิ่งในร่ม), Obstacle Running (การวิ่งวิบาก), Street Running (การวิ่งบนถนน), Indoor Track (กรีฑาในร่ม), Virtual Run (เวอร์ชวลรัน)

Garmin Blue Run 2020 สามารถบันทึกผลการวิ่งอย่างไรได้บ้าง?

การเก็บผลวิ่งสามารถทำได้จาก นาฬิกา Garmin (สามารถส่งผลที่ซิ้งค์จาก Garmin Connect หรือหน้าปัดนาฬิกา) หรือนาฬิกาและ Application เก็บระยะวิ่งอื่น หรือสามารถวิ่งบนลู่ไฟฟ้าและถ่ายภาพหน้าจอเก็บหลักฐานก็ได้

การวิ่ง SUB1 ต้องวิ่งแค่ 10 กิโลเมตร เท่านั้นหรือเปล่า? วิ่งมากกว่าได้ไหม?

SUB1 คือ การวิ่ง 10.00 กิโลเมตรภายในเวลาที่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องวิ่งระยะมากกว่า 10 กิโลเมตร เพราะระบบจะรับผลวิ่งที่เวลาต่ำกว่า 1 ชั่วโมงเท่านั้น  ตัวอย่างเช่น หากวิ่งระยะทาง 11 กิโลเมตรด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 1 นาที ระบบก็จะไม่อนุมัติผลนั้น  แต่หากสามารถวิ่งระยะทางมากกว่า 10 กิโลเมตรด้วยเวลาต่ำกว่า 1 ชั่วโมงได้ ระบบจะอนุมัติผลให้

การวิ่งสะสมระยะ 100K ต้องวิ่งอย่างไร?

การวิ่ง 100K คือ การวิ่งครั้งละกี่กิโลเมตรและจะวิ่งกี่ครั้งก็ได้ สะสมให้ได้ระยะรวม 100 กิโลเมตร ภายในระยะเวลาของกิจกรรม ไม่จำเป็นต้องวิ่ง SUB1 จำนวน 10 ครั้ง

ผู้สมัครทุกท่านจะได้รับเสื้อ Finisher หรือไม่?

ผู้สมัครต้องทำ Challenge ที่สมัครให้สำเร็จ จึงจะได้รับเสื้อ Finisher ของ Challenge นั้น สำหรับผู้สมัคร Package Bundle หากทำกิจกรรมสำเร็จเพียง Challenge เดียว จะได้รับเสื้อ Finisher ของกิจกรรมนั้นเท่านั้น

เมื่อส่งผลวิ่งและได้รับการอนุมัติผลแล้วจะได้เสื้อ Finisher เมื่อไหร่?

เมื่อผู้สมัครส่งผลสำเร็จ เสื้อ finisher จะถูกจัดส่งให้ภายใน 2 สัปดาห์หลังวันจบกิจกรรม

การตรวจสอบสถานะการจัดส่งเสื้อ

1. เข้าไปที่ https://www.runlah.com/user/registers

  • เข้าสู่ระบบด้วย E-mail เดียวกันกับที่ใช้สมัคร
  • กดดูรายละเอียด
  • เลื่อนไปที่ช่องวิธีการรับรางวัล
  • Copy หมายเลขการจัดส่ง (หมายเลขการจัดส่ง ขึ้นเฉพาะรายการที่ได้รับการจัดส่งแล้ว)

2. นำหมายเลขเข้าตรวจสอบที่  https://jtexpress.co.th/index/query/gzquery.html

* กรณียังไม่มีตัวเลข Tracking ขึ้น หมายถึง ยังไม่ได้มีการจัดส่ง ให้รอรับเสื้อตามกำหนดการ คือ

  • เสื้อ Race Tank Top (แขนกุด) จัดส่งภายใน 30 วันหลังจากสมัครสำเร็จ
  • เสื้อ Finisher จัดส่งภายใน 2 สัปดาห์หลังปิดกิจกรรม

Garmin อยากบอกฟิต&เฟิร์ม ได้ง่ายๆ ด้วยการวิ่ง 5 กม.

Garmin อยากบอกฟิต&เฟิร์ม ได้ง่ายๆ ด้วยการวิ่ง 5 กม.

นักวิ่งมือใหม่หรือคนที่อยากลดน้ำหนัก อาจจะมีข้อสงสัยว่าเราควรจะเริ่มวิ่งให้ได้ระยะทางเท่าไหร่ และควรวิ่งเป็นระยะเวลากี่นาที เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด วันนี้ แอดจะมาไขข้องใจให้ทุกคนได้รู้กัน

✋หากต้องการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ควรจะวิ่งให้ได้ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เพราะเป็นระยะทางที่ร่างกายเผาผลาญแคลอรี่ และไขมันส่วนเกินได้อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยังเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อให้กับร่างกายได้ดีอีกด้วย

⌚️ส่วนระยะเวลาควรจะออกกำลังต่อเนื่องอย่างน้อยเป็นเวลา 30 นาที เพราะ 15 นาทีแรก ร่างกายจะดึงพลังงานที่ได้จากการรับประทานอาหาร และหลังจาก 30 นาทีร่างกายจะเริ่มทำการเผาผลาญไขมันอย่างได้เต็มรูปแบบ

❗️ออกกำลังกายแล้วต้องดูแลเรื่องการกินด้วยนะ ถ้ากินมากกว่าที่ออกระวังพุงจะมาไม่รู้ตัว…

📌และหากต้องการพัฒนาประสิทธิภาพในการวิ่ง Garmin ช่วยคุณได้ ด้วยฟังก์ชั่นในการวิ่งที่ครบครัน การวัดผลขณะวิ่ง และหลังวิ่ง ให้คำแนะนำในการพักผ่อน พร้อมเก็บสถิติและแชร์ออกสู่โลกโซเชี่ยล อีกทั้งฟังก์ชั่นดูแลสุขภาพที่ติดตามสุขภาพของคุณตลอด 24 ชม.

สามารถดูข้อมูล Garmin รุ่นต่างๆได้ที่
https://www.alive.store/shop

ซื้อ Garmin Venu วันนี้ แถมฟรี Foldable Bag มูลค่า 990 บาท

ซื้อ Garmin Venu วันนี้ แถมฟรี Foldable Bag มูลค่า 990 บาท

เพียงซื้อ Garmin Venu สี Granite Blue หรือ Black/Gold ผ่านช่องทาง http://www.alive.store หรือร้านค้าที่ร่วมรายการ รับฟรีทันทีกระเป๋า Foldable Bag จาก Garmin มูลค่า 990 บาท ซื้อมากยิ่งได้มาก ตั้งแต่ 21 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2563 นี้ หรือจนกว่าสินค้าจะหมด

สนใจสั่งซื้อ Garmin Venu คลิกเลย !!

ตรวจสอบร้านค้าที่ร่วมรายการ ได้ที่นี่

เงื่อนไขการแถมกระเป๋า Garmin Foldable Bag

  1. เฉพาะการซื้อสินค้า Garmin Venu สี Granite Blue หรือ Black/Gold ผ่านช่องทาง http://www.alive.store หรือร้านค้าที่ร่วมรายการ ในช่วงระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม ถึง 31 ตุลาคม 2563 เท่านั้น หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
  2. รับกระเป๋าฟรี 1 ใบ ต่อการซื้อนาฬิกา Garmin Venu รุ่นที่กำหนด 1 เรือน
  3. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนหรือคืนสินค้า
  4. บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

PacePro For Road Runner

PacePro For Road Runner

1.การเข้าสู่เมนู PacePro

• เข้าเมนูมุมซ้ายบน
• เลือกเมนู Training
และเลือก PacePro Pacing Strategies
เลือกสัญลักษณ์ + เพื่อสร้าง PacePro
เลือก Select a Race Distance (สำหรับการแข่งขันที่ไม่มีไฟล์แผนที่การแข่งขัน)

2.เลือกระยะ และกำหนดเวลาที่ต้องการ

•  ระยะทางการวิ่งในระดับมาตรฐานสากลได้แก่ ระยะ

5 Km.

10 Km.

21.1 Km. = Half-Marathon

42.195 Km. = Marathon

Other = กำหนดระยะทางเอง

•  ช่องเวลาจะแบ่งเป็น ชั่วโมง : นาที : วินาที

ผู้ใช้สามารถเลือกได้ 2 รูปแบบคือ

Goal Pace : คือความเร็วเฉลี่ยที่ต้องการวิ่งตลอดระยะทาง
Goal Time : เวลาเป้าหมายที่ต้องการวิ่งให้จบ

*Tip ควรจะตั้ง Goal ให้อยู่ในช่วงเวลา หรือความเร็ว ที่เราสามารถทำได้จริง ไม่ควรตั้งไว้เร็วจนเกินไป

3. ตั้งชื่อ PacePro และเลือกการแบ่ง Split

•  ตั้งชื่อ PacePro ที่สร้าง

เพื่อความง่ายในการจำ แนะนำให้ตั้งเป็นชื่องาน  ชื่อระยะทาง หรือเวลาที่ต้องการจะทำ

•  การปรับแต่งข้อมูล PacePro ในช่อง “Splits”

  • Every Mile = ทุกๆ ไมล์ (1 ไมล์ = 1.61กม.)     
    • Every Kilometer = ทุกๆ 1 กิโลเมตร               

4. เลือกกลยุทธในการวิ่ง

• หัวข้อ Pacing Strategy จะมี “Slide Bar” สำหรับให้เลื่อนซ้าย -ขวา

ส่วนนี้คือการเลือกกลยุทธ์ใจการวิ่ง

• ตรงกลาง                                            : วิ่งด้วยความเร็วเท่ากันตลอดทาง

• เลื่อนซ้าย = Positive Split            : เริ่มต้นด้วยการวิ่งเร็ว แล้วค่อยๆวิ่งช้าลง

• เลื่อนขวา = Negative Split          : เริ่มต้นด้วยการวิ่งช้า แล้วค่อยๆวิ่งเร็วขึ้น

“ไม่ว่าจะเลื่อนไปทางไหน เวลารวมทั้งหมดจะเท่ากัน”

5. ส่งข้อมูลไปที่นาฬิกา

• กดที่สัญลักษณ์ Sent to device

• เลือกรุ่นนาฬิกาที่ต้องการ (กรณีมีหลายเรือน)

• รอซักครู่เมื่อขึ้นเครื่องหมาย    ⁄   แสดงว่าส่งข้อมูลเสร็จแล้ว

การเข้าบนใช้งาน PacePro บนนาฬิกา GARMINบนนาฬิกา

Blind Spot จุดอับของรถยนต์ที่ไม่ควรมองข้าม

Blind Spot จุดอับของรถยนต์ที่ไม่ควรมองข้าม

รถยนต์ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนๆ ก็ยังมีจุดอับสายตา (Blind Spot) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ แล้วจุดอับสายตาของรถคือจุดไหนบ้าง มาดูกันได้เลย

  • จุดอับสายตาจากเสาเอ (A-pillar blind spot) คือเสาแรกนับจากหน้ารถที่เชื่อมต่อระหว่างหลังคากับตัวรถทั้งซ้ายและขวา จุดนี้เวลาเลี้ยว ถ้าเสาใหญ่มากพอก็สามารถบดบังรถที่ขับสวนมาได้
  • จุดอับสายตาจากเสาบี (B-pillar blind spot) คือเสาที่สองนับจากหน้ารถ อยู่ด้านข้างใกล้กับผู้ขับ จุดนี้จะไม่ค่อยมีอุบัติเหตุมากเท่าไร เพราะว่ารถคู่กรณีก็จะเห็นรถเราได้ชัดเจนในขณะที่เราก็วิ่งไปข้างหน้า
  • จุดอับสายตาจากเสาซี (C-pillar blind spot) คือเสาที่สามนับจากหน้ารถ อยู่ด้านหลังทั้งซ้ายและขวา เสานี้เป็นจุดอับสายตาที่พอจะแก้ไขได้จากการมองกระจกข้าง
  • จุดอับสายตาจากระจกมองข้าง (Side mirror blind spot) เนื่องจากมุมมองของกระจกใกล้ฝั่งคนขับจะมีมุมไม่กว้างพอที่จะเห็นรถคันด้านข้างคนขับที่ค่อนไปด้านหลังได้ทั้งหมด ทำให้เวลาเปลี่ยนเลนอาจจะมีรถยนต์อยู่ในตำแหน่งจุดบอด ทำให้ผู้ขับเปลี่ยนเลนทั้งๆที่มีรถอยู่ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

รู้แบบนี้แล้ว เวลาขับรถเราจึงต้องระมัดระวังให้มากๆ และการติดกล้อง Garmin Dash Cam Series ที่สามารถเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 4 ตัว ที่ด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลังของรถ ก็จะช่วยให้ช่วยสามารถบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆรถเราได้ 360o และสามารถนำภาพที่บันทึกไว้มาดูย้อนหลังได้อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อได้ที่ : https://bit.ly/DashCam-56

Credit : https://chobrod.com/

PinPointer มีประโยชน์อย่างไร?️

PinPointer มีประโยชน์อย่างไร?️

🏌🏌ไม่ว่าจะเป็นนักกอล์ฟมือใหม่ หรือมือเก๋าซักแค่ไหนย่อมต้องเคยมี Shot ที่ตีพลาดเข้าป่า ลงหลุมทราย หรือตีไปยังจุดที่เราไม่สามารถเห็นทิศทางกรีน หรือที่เราเรียกว่า Blind Shot ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการตี Shot ต่อไป และอาจจะทำให้ทิศทางการตีของเราผิดพลาดแย่ยิ่งกว่าเก่า แต่ด้วยฟังก์ชั่น PinPointer ที่มีอยู่ใน Approach Series ที่มาในรูปแบบนาฬิกา Approach S62 และ Approach S40 กล้องวัดระยะ Approach Z80 หรือจะเป็นในรูปแบบ Handheld Approach G80 ที่สามารถช่วยให้นักกอล์ฟรู้ถึงทิศทางที่กรีนอยู่พร้อมกับระยะทางจนถึงกรีน เป็นรูปแบบคล้ายเข็มทิศ ไม่ว่าคุณจะหันไปในทิศทางไหน ตัวเข็มก็จะชี้ไปยังกรีน ช่วยลดความผิดพลาดใน Shot ต่อไป ให้นักกอล์ฟมั่นใจในการตีได้มากยิ่งขึ้น🏆

🏌️‍♀️🏌️‍♀️สามารถดูรายละเอียดสินค้ากอล์ฟได้ที่
https://bit.ly/3exgNVy

🏬🏬สามารถดูร้านค้าตัวแทนจำหน่ายสินค้ากอล์ฟได้ที่ https://bit.ly/3eyHXLH

#GarminThailand#Garmin#ApproachSeries#PinPointer#GOLF

🚴‍♀️5 เส้นทางปั่นใกล้กรุงเทพฯ

5 เส้นทางปั่นใกล้กรุงเทพฯ

ได้เวลาพาจักรยานคู่ใจออกไปรับลมกันแล้ว หลายคนปั่นจักรยานอยู่ที่บ้านกันมาหลายเดือน ช่วงนี้สถานะการณ์ดีขึ้นเราเลยอยากมาแนะนำสถานที่ปั่นจักรยานบรรยากาศดีๆไม่ไกลกรุงเทพฯ ให้ได้ไปปั่นจักรยานออกกำลังกายและท่องเที่ยวกันได้ด้วย ตามมาดูกันเลยดีกว่า❤️

🔺รอบอ่างเก็บน้ำบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี อีกหนึ่งสถานที่ปั่นจักรยานยอดนิยม ด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ ไม่ถึง 100 กม. มีเส้นทางปั่นที่ร่มรื่น มีจุดชมวิวอ่างเก็บน้ำที่สวยงาม ระยะทางปั่นรอบอ่างเก็บน้ำประมาณ 23 กม.กำลังดี มีร้านอาหารและเครื่องดื่มโดยรอบ เหมาะสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศโดยเดินทางไม่ไกล (สำหรับคนที่อยากซ้อมปั่นขึ้นเขายังอยู่ใกล้เขาฉลากให้ไปซ้อมกันได้อีกด้วย)

🔺เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก เส้นทางปั่นขึ้นสันเขื่อนระยะทางประมาณ 2 กม. ความชันประมาณ 8-10% ให้ได้ฝึกกำลังขากัน สำหรับนักปั่นที่สนใจเพิ่มระยะทางสามารถจอดรถที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และปั่นมายังเขื่อนระยะทางประมาณ 32 กม. พร้อมเที่ยวน้ำตกวังตะไคร้ และน้ำตกนางรองได้อีกด้วย

🔺อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ นครนายก ปราจีนบุรี สระบุรี และนครราชสีมา โดยเส้นทางขึ้นไปถึงที่ทำการอุทยานมีสองทาง คือ ด่านปราจีนบุรี และด่านปากช่อง โดยด่านปราจีนบุรีถึงที่ทำการอุทยาน ระยะทางประมาณ 32 กม. อีกทางจากฝั่งปากช่องถึงที่ทำการอุทยาน ระยะทางประมาณ 14 กม.จะมีความชันที่จุดที่ชันที่สุดประมาณ 18-19% มีอีกเส้นทางคือที่ทำการอุทยานไปยอดเขาเขียว ระยะทางประมาณ 16 กม. มีจุดที่ชันต่อเนื่อง 6 กม. ด้านบนเป็นพื้นที่ทหารมีของกินขายและจุดชมวิวที่สวยงามมาก เหมาะสำหรับสายปั่นที่ชอบความท้าทาย

🔺สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เส้นทางปั่นที่มีความร่มรื่น มีร้านอาหารและรีสอร์ทตลอดเส้นทาง วันนี้เส้นทางที่มาแนะนำมีระยะทางกำลังดีประมาณ 32 กม. โดยเริ่มจากบ้านหอมเทียน ไปทางซีนเนอรี่ วินเทจฟาร์ม ตามเส้นทางไปทางเขากระโจม เลี้ยวขวาผ่านหน้าลาทอสกาน่ารีสอร์ท ผ่านเวเนโต้สวนผึ้ง และกลับมาที่บ้านหอมเทียน โดยเส้นทางจะเป็นเนินขึ้นลง เป็นช่วงๆพร้อมวิวที่สวยงามตลอดเส้นทาง ทำให้ปั่นได้สนุกไม่น่าเบื่อแน่นอน

🔺หาดคุ้งวิมาน จ.จันทบุรี อยู่ในเส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิต ถนนเลียบชาดหาดที่สวยที่สุด หาดคุ้งวิมานมีความยาวประมาณ 2 กม. มีจุดชมวิวชื่อดังคือจุดชมวิวเนินนางพญา ที่มองเห็นถนนเลียบชายฝั่งและทะเลสุดลูกหูลูกตา สำหรับนักปั่นยังสามารถปั่นไปตามถนนเส้นเฉลิมบูรพาชลทิต ไปจนถึงหาดแหลมสิงห์ ระยะทางประมาณ 38 กม. อีกหนึ่งชายหาดที่สวยงามของ จ.จันทบุรีได้อีกด้วย

สำหรับนักปั่นที่เลือกจุดหมายปลายทางสำหรับวันหยุดนี้ได้แล้ว ก็อย่าลืมวางแผนเส้นทางผ่าน Garmin Edge เพื่อความมั่นใจในการปั่น อย่าลืมรักษาระยะห่างและรักษาสุขอนามัยอยู่เสมอเพื่อจะได้ออกปั่นจักรยานกันอย่างสบายใจด้วยนะครับ😁❤️

ใครมีสถานที่ปั่นสวยๆ นอกจาก 5 เส้นทางปั่นใกล้กรุงเทพฯ เอามาอวดเพื่อนๆบ้างนะ…

📌ดูรายละเอียดสินค้า Garmin Edge รุ่นต่างๆได้ที่ https://www.alive.store/shop?categoryId=4

#Garminthailand
#Garminsport
#GarminEdge

Solar Charging นวัตกรรมจาก GARMIN เปิดตัวในรุ่น Fenix 6 – Instinct

GARMIN เปิดตัวนวัตกรรม Solar Charging ในรุ่น Fenix 6 – Instinct เปลี่ยนแสงเป็นพลังงาน เพิ่มเวลาการใช้งานให้ยาวนานกว่าเดิม

บริษัท จีไอเอส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายการ์มิน สมาร์ทวอทช์ระดับโลก เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ Solar Charging ในสมาร์ทวอทช์การ์มิน 2 รุ่น Fenix 6 และ Instinct ชูจุดเด่นเลนส์หน้าปัด Power Glass แปลงแสงอาทิตย์เป็นพลังงานแบตเตอรี่ ชาร์จได้แม้ในขณะที่นาฬิกาปิด ล้ำกว่าด้วยการชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ หรือภายใต้แสงชนิดอื่น ๆ ที่มีความเข้มแสง 50,000 lux หรือมากกว่า สามารถใช้งานต่อเนื่องในโหมด GPS ได้สูงสุดถึง 40 ชม. เพิ่มฟังก์ชันอัปเกรดกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น เซิร์ฟ (Surf) และเดินป่า เอาใจไลฟ์สไตล์สายลุย ติดตามผลกิจกรรมแบบเรียลไทม์ ประเมินสุขภาพของผู้ใช้และแจ้งเตือนความพร้อมของร่างกายด้วยฟังก์ชัน Body Battery สร้างความมั่นใจก่อนลุยทุกกิจกรรม

นายไกรรพ เหลืองอุทัย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท จีไอเอส จำกัด ในกลุ่มบริษัท ซีดีจี (CDG) ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยของบริษัท การ์มิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า พลังงานทางเลือกเป็นหนึ่งเทรนด์ที่จะมาแทนที่พลังงานแบบดั้งเดิมที่กำลังได้รับความนิยม ล่าสุดการ์มินได้เปิดตัวนวัตกรรม Solar Charging ใน 2 รุ่นสุดฮิต Fenix 6 และ Instinct ซึ่งเลือกใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานแสงอื่น ๆ นับเป็นจุดเริ่มของการมองหาพลังงานทางเลือกแบบยั่งยืนเพื่อพัฒนาไปสู่การใช้งานสมาร์ทวอทช์มิติใหม่ ให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ชีวิตประจำวันและทำกิจกรรมควบคู่กับการใช้นาฬิกาการ์มินได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

“จุดเด่นหลัก ๆ ที่ไม่มีในการ์มินรุ่นไหนมาก่อน แต่มีอยู่ใน Fenix 6 และ Instinct คือการนำพลังงานทางเลือกมาเป็นแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยี Power Glass Solar Charging Lens บนหน้าปัดนาฬิกาในรุ่น Fenix 6S / 6 Solar และแถบ Solar Cell รอบจอแสดงผล ในรุ่น Instinct Solar เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานให้นาฬิกา ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในการทำกิจกรรมกลางแจ้งภายใต้คอนเซปท์ “Do what you love longer” ที่ให้พลังงานด้วยการชาร์จโดยตรงกับแสงอาทิตย์ หรือภายใต้แสงชนิดอื่น ๆ ที่มีความเข้มแสง 50,000 lux หรือมากกว่า ให้ผู้สวมใส่สามารถใช้งานต่อเนื่องในโหมด GPS ในรุ่น Fenix 6S Solar ได้ถึง 28 ชม.ในรุ่น Fenix 6 Solar ได้ถึง 40 ชม.และในรุ่น Instinct Solar ได้ถึง 38 ชม. และยังสามารถจัดการการใช้พลังงานแบตเตอรี่ด้วยการตั้งค่าเปิด-ปิดโหมดการใช้งานและการวัดค่าต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับกิจกรรมหรือกีฬาเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ พร้อมทั้งแสดงผลเป็นชั่วโมงการใช้งานที่เหลือ เพื่อการวางแผนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน” นายไกรรพกล่าว

นอกจากนี้ สมาร์ทวอทช์ทั้ง 2 รุ่น ยังเพิ่มโหมดฟังก์ชันใหม่เพื่อเอาใจนักเล่นเซิร์ฟและเดินป่า โดยมีจุดเด่น เพิ่มขึ้นมาคือ Surf-Ready Features ซึ่งเป็นโหมดสำหรับเล่นเซิร์ฟ มีการติดตามและบันทึกข้อมูลที่ละเอียดกว่าเดิม เข้าถึงข้อมูลจุดต่าง ๆ ของจุดเล่นเซิร์ฟ เช่น ความสูงคลื่น ระดับน้ำขึ้น-ลง สภาพภูมิอากาศ เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้านโหมดสำหรับสายเดินป่า มี 3 เซนเซอร์แจ้งเตือน A – Altimeter เพื่อบอกความสูงจากระดับน้ำทะเล B – Barometer บอกความกดอากาศ (เตือนพายุได้) C – Compass บอกทิศทาง (N/S/E/W) ซึ่งจำเป็นสำหรับสายเดินป่ารวมถึงกลุ่มใช้งานกิจกรรม outdoor ด้วย 3 เซนเซอร์หลักที่ใช้ในการนำทางและเดินป่า ช่วยให้ทราบถึงความสูง ความชัน สามารถใช้งาน outdoor แม้ในพื้นที่ไม่มีสัญญาณ GPS นอกจากนี้ยังมีโหมดตอบโจทย์สายรักสุขภาพด้วยเทคโนโลยีเซนเซอร์วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในกระแสเลือด (ค่า SpO2*) ทำงานคู่กับโหมดติดตามการปรับสภาพเข้ากับระดับความสูง (Altitude Acclimation) และโหมดวัดคุณภาพการนอน (Sleep Monitor) ติดตามสภาพร่างกายได้ละเอียดยิ่งขึ้น เช่น ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพความสูงได้ หรือร่างกายยังไม่สมบูรณ์พอสำหรับกิจกรรมหนัก ๆ เพื่อประเมินสุขภาพของผู้ใช้และวัดความพร้อมของร่างกายในทุกกิจกรรมเรียลไทม์ตลอด 24 ชั่วโมง

Fenix 6S / 6 Solar มาพร้อมสีใหม่ 4 สี Light Gold, Amethyst, Black และ Mineral Blue ในราคาเริ่มต้น 31,500 บาท และ Instinct Solar มาพร้อมดีไซน์แบบ tactical style อันเป็นเอกลักษณ์ของ Instinct และสีใหม่ 6 สี Tidal Blue, Orchid, Lichen Camo, Moss, Pipeline และ Cloudbreak ในราคา เริ่มต้น 13,990 บาท

ผู้ที่สนใจ GARMIN สามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ และสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ที่ตัวแทนจำหน่าย GARMIN ทั่วประเทศ หรือ https://bit.ly/garminsolar

☀️ Garmin Solar Feature “Do what You Love Longer” ☀️

Garmin Solar Feature

Solar Charging 🔋 เป็นเทคโนโลยีการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาแปลงเป็นพลังงาน ช่วยให้นาฬิกาใช้งานได้นานขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมีอยู่ใน Fenix 6 Solar Series และ Instinct Solar โดยนาฬิกาจะแสดงกราฟระดับความเข้มแสงที่ได้รับบนหน้าจอ หรือเปิด widget “Solar Intensity” เพื่อดูกราฟได้เช่นกัน 📈

Solar Charging 🔋 มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้งานกลางแจ้งและหน้าปัดนาฬิกาหันเข้าแสงอาทิตย์โดยตรง☀️ ซึ่งการใช้งานในภาวะแสงเข้มข้นสูงสุด (ประมาณ 50,000 ลักซ์หรือแสงแดดกลางแจ้ง) จะช่วยเพิ่มเวลาการใช้งานนาฬิกาแต่ละรุ่น ดังนี้

Fenix 6 Pro Solar สามารถใช้งานโหมด GPS ได้ถึง 40 ชม. และโหมด smartwatch ได้กว่า 16 วัน
⌚Fenix 6S Pro Solar สามารถใช้งานโหมด GPS ได้ถึง 28 ชม. และโหมด smartwatch ได้กว่า 10 วัน
Instinct Solar สามารถใช้งานโหมด GPS ได้ถึง 38 ชม. และโหมด smartwatch ได้ถึง 54 วัน

Solar Charging ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นแหล่งพลังงานเสริมของตัวนาฬิกาเท่านั้น ช่วยให้ผู้ที่เล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานานสามารถใช้งานนาฬิกาโดยไม่ต้องกังวลว่าแบตจะหมดลงกลางคันให้หมดสนุก 🏃‍♀🚴‍♂🏊‍♀🏄‍♀🏂🏌‍♀🧗‍♂

🛒 Shop now >> https://bit.ly/garminsolar

#GarminThailand
#GarminSolar

❤️ทำไมถึงวัด Heart Rate ที่ข้อมือ

ทำไมถึง วัด Heart Rate ที่ข้อมือ?

เคยมีลูกค้าถามว่า “พลิกใส่นาฬิกามาใส่ที่ข้อมือด้านใน จะวัดค่าได้แม่นยำกว่าหรือไม่?”
หรือ “สามารถเอาเซ็นเซอร์สีเขียวๆ ไปวัดที่ต้นแขน หรือที่อื่นๆได้หรือไม่?”
.
คำตอบคือ “สามารถวัดค่าได้เหมือนกัน” แต่!!! ค่าที่ได้นั้นอาจจะมีความคลาดเคลื่อนสูง
.
ผิวหนังใต้ข้อมือ ของคนเรานั้นเป็นพื้นที่ ที่มีชั้นไขมันสะสมอยู่ไม่หนามาก และมีเส้นเลือดใหญ่ไหลผ่าน ทำให้เซ็นเซอร์สีเขียว มีการวัด และสะท้อนสัญญาณกลับได้อย่างสะดวก

เพื่อความสะดวกในการใช้งานของผู้ใช้ แค่สวมใส่นาฬิกาเหมือนปกติ แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเซ็นเซอร์นาฬิกาในการวัดข้อมูล ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวัน หรือในขณะออกกำลังกาย ซึ่งเราก็เคยชินกับการสวมใส่นาฬิกากันอยู่แล้ว
.
📌สรุป
• บริเวณข้อมือนั้นมีเส้นเลือดที่ใหญ่พอสำหรับการวัดอัตรกาการเต้นของหัวใจ
• เป็นตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติที่สุดสำหรับการสวมใส่นาฬิกา
• ที่สำคัญเป็นตำแหน่งที่สามารถวัดค่าได้อย่างแม่นยำอีกด้วย

ให้ Garmin เป็นผู้ช่วยในการดูแลสุขภาพของคุณนะครับ…

#GarminThailand
#GarminSport